วันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2555

วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2555



ทำไมผมถึงชอบเพลง MeTal

      ในความคิดผม ผมว่ามันเป็นบทเพลงที่สนุกน่ะครับ อีกอย่างผมชอบเล่นดนตรีแนวนี้มาก วงที่ผมชอบมากก้อจะมี Bring me the horizon , Suicide Silence , Avenged sevenfold เป็นต้นนะครับ ยังมีอีกหลายๆวง ที่มีทำนองที่สนุกๆ อีกมากมาย มีหลายคนบอกว่าส่วนใหญ่คนที่ชอบเพลงหรือชอบเล่นเพลงแนวๆนี้ จะเป็นพวกหัวรุ่นแรง แต่ผมคิดว่ามันไม่ใช้เสมอไปน่ะครับการฟังเพลงก้อเหมือนการผ่อนคลายทางหนึ่งครับ เพื่อนที่อยากลองฟังเพลงแนวนี้ ผมแนะนำให้ลองฟังวงที่ไม่ฮาตคอมากๆก่อนน่ะครับ เช่น วง Avenged sevenfold วงนี้ไม่ค่อยว๊ากมากนักครับ





วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2555







ประวัติวง Suicide Silence 


                    Suicide Silence เป็นวงเดธคอร์จากริเวอร์ไซด์ แคลิฟอร์เนีย ฟอร์มวงในปี ค.ศ. 2002 มีสมาชิกดังนี้ Mitch Lucker นักร้องนำ, Chris Garza และ Mark Heylmun มือกีต้าร์, Alex Lopez มือกลอง และ Dan Kenny มือเบส ตั้งแต่ฟอร์มวงมาได้ออกอัลบั้มเต็มทั้งหมด 2 อัลบั้ม 3 อีพี 5 มิวสิควิดีโอ และได้รับรางวัล 2 รางวัล

เปิดตัว อีพี แรก The Cleansing (2002-2008)
Suicide Silence ฟอร์มวงในปี 2002 จากริเวอร์ไซด์ แคลิฟอร์เนีย และเป็นหนึ่งในอีกหลาย ๆ วงที่ทำ Side-Project ของช่วงเวลานั้น พวกเขาทำการแสดงครั้งแรกในริเวอร์ไซด์บ้านเกิดและในเวลานั้นสมาชิกวงประกอบด้วย Chris Garza และ Mark Heylmun เล่นกีต้าร์ Mike Bodkins เล่นเบส Josh Goddard เป็นมือกลองและมีนักร้องนำ 2 คนคือ Mitch Lucker และ Tanner Womack หลังจากการแสดงครั้งแรก Womack ถูกไล่ออกจากวงทันที ในปีถัดมาวงก็ปล่อยเดโมแรกและในปี 2003 พวกเขาก็ปล่อยเดโมที่สองออกมา หลังจาก Josh Goddard ออกจากวงในปี 2004 สมาชิกภายในวงเริ่มเอาจริงเอาจังและไม่ทำแค่ Side-Project อีกต่อไป พวกเขาเดินหน้าทำการบันทึก เดโมที่สามในปี 2005 และEP ชื่อว่า Suicide Silence ก็ถูกปล่อยออกมาเป็นชุดแรกซึ่งวางจำหน่ายที่สหราชอาณาจักรภายใต้สังกัด Third Degree Records และต่อมา ก็ออกอัลบั้มอีกครั้งภายใต้สังกัด Deep End Record ของอังกฤษ และ SOS Records ของอเมริกา

2 ปีต่อมา ได้เซ็นสัญญาภายใต้สังกัด Century Media และปล่อยอัลบั้มเต็ม The Cleansing ซึ่งบันทึกเสียงโดย Krissan Duwason มิกซ์เสียงโดย Tue Madsen มี John Travis เป็นโปรดิวเซอร์ ออกแบบปกโดย Dave Mckean และอัลบั้มดังกล่าวอยู่ในอันดับที่ 94 จาก 200 อันดับของบิลบอร์ด โดยขายได้ 7,250 แผ่นในสัปดาห์แรกและกลายเป็นอัลบั้มที่ขายดีเป็นประวัติการณ์ของ Century Media ด้วยความสำเร็จจากการออกอัลบั้มนี้ Suicide Silence ได้เข้าร่วมแสดงคอนเสิร์ต Mayhem Festival ที่จัดขึ้นในปี 2008 พวกเขาทัวร์คอนเสิร์ตในยุโรปร่วมกับวง Parkway Drive และ Bury Your Dead และทัวร์ในอเมริการ่วมกับวงดังกล่าวก็ประสบความสำเร็จด้วยดี นอกจากนี้ในช่วงกลางปี 2008 ยังได้ทัวร์คอนเสิร์ตร่วมกับ Parkway Drive, A Day to Remember และ The Acacia Strain ซึ่งเป็นช่วงที่เล่นในงาน Sweat Fest และกลุ่มแฟน ๆ เริ่มขยายวงกว้างออกไปทั่วโลก

วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2555


  
    ประวัติเมทัลเกิดขึ้นในปี ค.ศ 1966
ความเป็นมานั้นเริ่มจาก กลุ่มศิลปินที่เดิมเล่นเพลงบลูส์  วง
ครีมซึ่งมี อีริค แคลปตัน เป็นมือกีตาร์และนักกีตาร์ไฟฟ้าที่ชื่อ จิมิ เฮนดริกซ์ ซึ่งใช้เครื่องช่วยขยายเสียงกีตาร์ไฟฟ้าให้มีเสียงอันดังสนั่น เกิดแนวทางใหม่ๆในการเล่นกีตาร์ไฟฟ้าของดนตรีร็อก เช่น การใช้เสียงหอนกลับ(Feedback) เสียงบิดเบือน (Distortion) หรือ เพี้ยน วงครีม มีเพลงฮิตที่ตามมาเช่น I feel free(1966) ,Sunshine of your love(1967),White room(1968) เป็นต้น โดยเฉพาะเฮ็นดริ๊กซ์นั้น เขามีการเล่นที่น่าตื่นตา เช่นการเล่นกีตาร์ด้วยฟัน เป็นต้น เพลงฮิตที่ตามมาของเขา เช่น Purple Haze(1967) , Hey Joe, The Wind Cries Mary,Voodoo Chile(1968)ซึ่งเพลงเหล่านั้นนับว่าเป็นเพลงแนวฮาร์ดร็อก ยุคแรกๆ ที่ติดอันดับ Top Chart ในยุคนั้น
ต่อมาได้ข้ามาถึงฝั่งอเมริกา เมื่อดนตรีแนว ไซคเดลิค ได้เข้ามาอิทธิพลในอเมริกา วงอย่าง บลู เชียร์ ได้พัฒนาแนวดนตรีขึ้นมาอีกขั้น โดยจะมีความเป็นฮาร์ดร็อคมากยิ่ง ขึ้น ได้เปิดอัลบั้มแรกของพวกเขาในปี 1968 มีเพลงฮิตเช่น Summertimes Blues เป้นต้น ในปีเดียวกัน วง สเต็พเพ็นวูลฟ์ ได้มีเพลงฮิต ชื่อ Born to be Wild (1968)ซึ่งในเพลงนั้นมีวลีว่า Heavy Metal Thunder ซึ่งได้เอาเพลงฮุคท่อนนี้ มาใช้บัญญัติคำดนตรีแนวนี้ว่า เฮฟวี่เมทัล ในเวลาต่อมา ซึ่งทั้ง 2 วงนี้ได้นำเอาคีย์บอร์ดมาใช้ผสมกับดนตรีแนวนี้เพื่อความหนักหน่วงของดนตรีแนวนี้มากขึ้น

ในช่วงกลางทศวรรษที่ 70 จูดาส พรีสต์ ได้กระตุ้นการพัฒนาการของแนวเพลงนี้โดยละทิ้งอิทธิพลของเพลงแนวบลูส์ทิ้งไป และกระแสเฮฟวีเมทัลในสหราชอาณาจักร ก็ตามมาคล้าย ๆกัน คือรวมความรู้สึกของพังค์ร็อกเข้าไปและเพิ่มเน้นในเรื่องของความเร็วเข้าไป

วงเฮฟวีเมทัล ได้ก้าวสู่ความนิยมหลักในทศวรรษที่ 80 เมื่อมีการขยายไปของแนวเพลงย่อยเกิดขึ้น ความหลากหลายนี้ได้เพิ่มความก้าวร้าวและสุดขีดมากกว่าเมทัลในอดีต ที่มักจะจำกัดวงเฉพาะกลุ่มคนฟังใต้ดิน วง ไอร่อน เมเด้น ได้เป็นผู้นำดนตรีเฮฟวี่เมทัล แนวที่เรียกกันว่า NWOBHMหรือNew Wave Of British Heavy Metal ซึ่งจะไม่มีอิทธิพลของดนตรีบลูส์หลงเหลืออยู่เลย แนวนั้นจะก้าวร้าวขึ้น รวดเร็วยิ่งขึ้น และได้มีอิทธิพลหลักต่อแนวเพลงย่อยของดนตรีเฮฟวี่เมทัลในเวลาต่อมา ในที่นี้รวมถึง แกลมเมทัล และ แทรชเมทัล ก็ได้เข้าสู่กระแสหลักได้ ในปัจจุบัน แนวเพลงอย่างนูเมทัล ก็ได้ขยับขยายไปจากเฮฟวีเมทัล


ประเภทของเพลงเมทัล

Hard Rock,Heavy Metal, Speed Metal,Thrash Metal,Death Metal,Black Metal,Power Metal


ลั่น! "Intel" บุก "สมาร์ทโฟน"

     ในงาน CES 2012 ระหว่างที่ พอล โอเตลินี่ (Paul Otellini) ประธานเจ้าหน้าที่คณะบริหาร (CEO) ของอินเทล (Intel) ขึ้นเวที เพื่อนำเสนอทิศทางด้านการตลาด และเทคโนโลยีของบริษัท Otelini ได้กล่าวว่า "เรากำลังเดินหน้าต่อไปจากยุคของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (personal computer) ไปสู่ยุคการประมวลผลส่วนบุคคล (personal computing)"

         "อุปกรณ์หลายๆ อย่างที่ผู้บริโภคใช้งานกันทุกวันนี้มีความเกี่ยวเนื่องในการทำงานน้อยมาก ประเด็นสำคัญคือ เรากำลังสร้างประสบการณ์ที่ดีกว่าให้กับผู้ใช้ ซึ่งถือเป็นความท้าทาย และการทดสอบครั้งสำคัญของเราในการเป็นผู้นำอุตสาหกรรม และที่งาน CES นี้" Otelini ได้อธิบายถึง 4 แนวทางที่จำเป็นสำหรับคุณภาพของความต้องการในการประมวลผล โดยประการแรก อุปกรณ์เหล่านี้จะต้องมีคุณสมบัติการทำงานที่ดึงดูดให้อยากใช้ และต้องคิดได้เร็วเท่าที่เราคิด ประเด็นต่อมาก็คือ ประสบการณ์ที่ได้รับจากการใช้งานต้องสอดคล้องกัน โดยไม่ขึ้นอยู่กับขนาด และตำแหน่งที่ใช้อุปกรณ์ แนวทางที่สาม อุปกรณ์เหล่านี้จะต้องให้ความสำคัญกับความพอใจของผู้ใช้แต่ละรายได้ ส่วนแนวทางสุดท้าย ประสบการณ์ในการประมวลผลต้องมีความปลอดภัย โดยเฉพาะข้อมูลส่วนตัว



            หลังจากเกริ่นเรื่องแนวทางเสร็จ Otellini ก็เข้าเรื่องทิศทางของผลิตภัณฑ์ต่อทันที โดยเน้นย้ำชัดเจนว่า สมาร์ทโฟน (smartphone) คือ เป้าหมายที่ทางบริษัทจะเจาะเข้าไป ซึ่ง Otellini ได้พูดถึงสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่รุ่นแรกของบริษัทที่กำลังจะเปิดตัวในจีน นั่นก็คือ Lenovo K800 โดยมี Liu Jun รองประธานอาวุโสของ Lenovo ขึ้นมาบนเวทีพร้อมโชว์สมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าว ซึ่ง K800 จะมาพร้อมกับหน้าจอไฮเดฟฯ ขนาด 4.5 นิ้ว และทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android โดยคาดว่าจะวางตลาดในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ "นี่เป็นแค่ก้าวแรก ผมเชื่อมั่นว่า Intel และ Lenovo จะประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในตลาดโมบายอย่างแน่นอน" Jun กล่าว



          จากนั้น Otellini ได้แสดงข้อมูลอ้างอิงสำหรับการออกแบบ ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้บริษัทฮาร์ดแวร์ต่างๆ สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาสมาร์ทโฟนของตนเองได้อย่างรวดเร็ว โดยสเป็กเครื่องในเบื้องต้น สมาร์ทโฟนที่สร้างจากแบบนี้จะทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android และมาพร้อมกล้อง 8 ล้านพิกเซล สามารถบันทึก และเล่นวิดีโอไฮเดฟฯ 1080p ใช้สนทนาได้นาน 8 ชั่วโมง ในขณะที่สแตนด์บายได้ 14 วัน นอกจากนี้ ดีไซน์อ้างอิงของ Intel ยังหมายถึง สมาร์ทโฟนที่มีความบางได้น้อยกว่า 10 มม. (ไม่ถึง 1 ซม.) และมีพอร์ต HDMI ตลอดจนความสามารถในการชำระค่าใช้จ่ายด้วยเทคโนโลยี NFC (Near Field Communication) Otellini ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกด้วยว่า แพลตฟอร์มอ้างอิงของสมาร์ทโฟนที่ใช้โพรเซสเซอร์ Intel จะตอบโจทย์เรื่องความเร็วในการท่องเว็บ และสมรรถนะในการประมวลผล JavaScript ที่เร็วมาก รวมถึงการประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ด้วย